วรรธนี โสดยวง หรือป้าปาง ป้าปางมีประสบการณ์ในการทอผ้ากว่า 20 กว่าปี โดยสามารถทอผ้าจกลายดอกเซียได้อย่างสวยงาม ผืนผ้าที่ได้มีความประณีต ด้วยการให้สีเพื่อสร้างลวดลายได้อย่างสวยงาม

ช่วงวัยสาวทำนาเป็นอาชีพหลัก สานลำแพนเป็นอาชีพเสริม หาเงินส่งลูกเรียน
ช่วงวัยสาวป้าปางทำนาเป็นอาชีพหลัก มีรายได้ปี 2 หมื่นกว่าบาท สานลำแพนไม้ไผ่เป็นอาชีพเสริม ต้องใช้ทั้งปี ตอนลูกเล็กๆ เรียนวัดนาหนองก็พออยู่ได้ แต่พอลูกโตต้องไปเรียนในเมือง ค่าใช้จ่ายมากขึ้นก็อยู่อย่างลำบาก ป้าเล่าว่า “ตอนสาวๆ ทำนาได้ข้าวปีละประมาณ 4 เกวียน ขายได้เงิน 2 หมื่นกว่าบาท ตอนลูกเล็กๆ เรียนวัดนาหนองก็พออยู่ได้ พอลูกโตไปเรียนที่วิทยาลัยเทคนิคที่อยู่ในตัวเมือง ค่าใช้จ่ายมากขึ้น ต้องสานลำแพนไม้ไผ่เป็นอาชีพเสริม สานตั้งแต่ทุ่มหนึ่งถึง 3 ทุ่ม ได้ผืนหนึ่ง 15 บาท ต้องทำให้เสร็จ ไม่งั้น จะไม่มีเงินให้ลูกไปเรียน ช่วงหลังๆ ยิ่งลำบากไม่ไผ่หายาก ต้องไปขนไกล เดินไปแบกนะ ไม่มีรถ” ชีวิตป้าปางในช่วงนั้น จึงค่อนข้างลำบาก

ก้าวข้ามความลำบากด้วยการฝึกทอผ้าจก
ต่อมาเมื่อมีการก่อตั้งศูนย์หัตถกรรมพื้นบ้านวัดนาหนอง จึงเข้าร่วมการฝึกทอผ้าจก โดยการชักชวนของคุณปู (ดลวรรณ มณีจันทร์) ผู้จัดการศูนย์ฯ ช่วงนั้นอายุประมาณ 40 ปี ฝึกทอกับป้ารำพัน (วิทยากรสอนการทอผ้าจก) อยู่ 5 วันจึงเข้าใจวิธีการจกผ้า ป้าเล่าไปยิ้มไป “ตอนฝึกทอนะ วันแรกไม่เข้าใจเลย จนนั่งคิดว่าวันพรุ่งนี้จะไปเรียนทอผ้า จะไปดีหรือเปล่า ในที่สุดรุ่งขึ้นก็ตัดสินใจไปเรียน ช่วงแรกนี้กลับบ้านมานอนก่ายหน้าผาก และคิดกับตนเองว่าทำไมคนอื่นทอได้เราทำไมทอไม่ได้” การบอกเล่าของป้าสะท้อนถึงความยากของการทอผ้าจกสำหรับผู้ที่ไม่เคยทอผ้ามาก่อน คำถามแล้วทำไมป้าถึงทอเป็น ป้าปางนั่งหวนระลึกถึงความหลังอยู่ชั่วขณะหนึ่ง แล้วตอบไปยิ้มไปว่า “จำได้เลยว่ามีอยู่วันหนึ่ง ทอเท่าไรก็ไม่ได้ ป้ารำพันแกคงรำคาญหรือท้อใจ จนบ่นว่า “มึงนี้มันสอนยากสอนเย็นจริงนะ สอนแล้วก็ไม่จำ” คำว่าของป้ารำพัน ทำให้เกิดความมุมานะทอจนได้” เพียงคำบ่นว่าของป้ารำพันคนสอนทอผ้าจกเป็นแรงผลักดันให้ป้าแกสามารถทอผ้าผืนแรกจนสำเร็จ สามารถสร้างรายได้เลี้ยงตัวเองและส่งลูกเรียนจนสำเร็จ

บอกเล่าเรื่องการทอผ้าจก
ขณะพูดคุยป้าอธิบายวิธีการทอผ้าจกลายกาบว่าในการทอเราต้องใช้ด้าย 2 สี เช่น สีเหลืองกับสีส้ม และอธิบายลายหักนกคู่ว่า “ในการจกการทำให้มีช่องว่างของลาย คือ การเว้นไม่ต้องจกเส้นด้าย ส่วนวิธีการสร้างลายทำโดยการจกเส้นด้ายยกสองข้ามหนึ่งยกสามข้ามหนึ่งแล้วยกสองก็จะเป็นลาย” ป้าใช้เวลาอยู่หลายเดือนกว่าจะทอได้เก่ง สวยงาม และได้ผ้าผืนแรก ป้าเล่าอีกว่า “ผ้าผืนแรกที่ทอเสร็จ ยังเก็บไว้เลย มีคนมาขอซื้อแต่ไม่ขาย เก็บไว้ดู นึกถึงตอนฝึกทอ”

ผ้าสวยไม้แขวนไม่สวย
ผืนผ้าฝีมือการทอผ้าของป้าปางจะประณีต งดงาม สะท้อนจากเรื่องที่เล่าไปขำไปว่า “ใส่ผ้าที่ทอไปงานทำบุญ เพื่อนล้อว่า ไม้แขวนไม่สวย แต่ผ้าสวย” อีกนัยหนึ่งคงตีความได้ว่าลึกๆ แล้วป้าภาคภูมิใจในฝีมือการทอค่อนข้างจะมาก ป้ากล่าวทิ้งท้ายว่า “ทอผ้าจกดี แล้งก็ไม่เสีย ฝนตกไม่เสีย เก็บไว้นานไม่เสีย อย่าทอให้ผิดลายอย่างเดียวนั้น” การทอผ้าจกสามารถสร้างรายได้เลี้ยงครอบครัวจนทุกวันนี้